image
Nichel Jhon 27 September 2021 Comments (09)

สถานการณ์การส่งออกต้องเผชิญสารพัดปัจจัยเสี่ยง

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยสถานการณ์การส่งออกของไทยว่า การส่งออกต้องเผชิญกับการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีอย่างรุนแรง และเข้มข้นขึ้น ซึ่งล้วนแต่เป็นมาตรการของประเทศพัฒนาแล้ว เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการค้า อีกทั้งประเทศมหาอำนาจยังจับกลุ่มกันเพื่อผลประโยชน์ทางการค้า เช่นเดียวกับการเมืองเพื่อสร้างแต้มต่อ ภาครัฐ และภาคเอกชนจึงต้องร่วมมือกันหาแนวทางปรับตัวรับกับสถานการณ์ต่างๆในอนาคต ซึ่งมาตรการกีดกันทางการค้าที่ใช้แล้ว เช่น แรงงาน สิทธิมนุษยชน สุขอนามัย สิ่งแวดล้อม เป็นต้น และที่มาใหม่คือ การเก็บภาษีคาร์บอนกับสินค้านำเข้า โดยเฉพาะสินค้าที่มีกระบวนการผลิตที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำนวนมาก ที่สหภาพยุโรปจะนำมาใช้ในอีก 2 ปีกับ 5 สินค้าก่อน คือ เหล็ก อะลูมิเนียม ซีเมนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ปุ๋ย

นอกจากนี้ มีประเด็นที่สหรัฐฯ อังกฤษ ออสเตรเลีย จับมือกันตั้งไตรภาคีเพื่อความมั่นคงในอินโดแปซิฟิก และจีน ประกาศสมัครเข้าเป็นสมาชิกความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมและก้าวหน้าภูมิภาคแปซิฟิก (ซีพีทีพีพี) อาจทำให้จีนต้องปรับเปลี่ยนกฎระเบียบ มาตรฐานการค้าที่จะกระทบต่อการส่งออกของไทยไปจีน เพราะจีนเป็นตลาดอันดับ 1 ของไทย ประเด็นต่างๆนี้เป็นประเด็นใหญ่ที่ภาครัฐและภาคเอกชนต้องวิเคราะห์ เพื่อให้ทราบว่า เราต้องยืนอยู่ที่ไหน กำหนดท่าทีอย่างไร จะสร้างสมดุลให้เกิดขึ้นเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศอย่างไร และต้องศึกษาข้อตกลง กติกาการค้าโลกที่มีให้ลงลึก เพื่อปรับตัว และแสวงหาแต้มต่อทางการค้า

“ปัญหาของการส่งออกปีนี้ เช่น การขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ขาดแคลนเรือขนส่งสินค้า เป็นต้น ผมได้ร่วมกับภาคเอกชนในนามคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.พาณิชย์) แก้ปัญหา อีกทั้งยังได้ให้เซลส์แมนจังหวัด (พาณิชย์จังหวัด) และเซลส์แมนประเทศ (ทูตพาณิชย์) ช่วยกันหาตลาดให้กับสินค้าไทย รวมถึงเพิ่มกิจกรรมส่งเสริมการส่งออก ส่งผลให้มูลค่าส่งออกดีขึ้น ล่าสุด 7 เดือนแรกของปีนี้ สูงถึง 154,985 ล้านเหรียญฯ ขยายตัว 16% หรือ 4 เท่าของเป้าหมายขยายตัวปีนี้ที่ 4% คาดว่ามูลค่าเดือน ส.ค. และ ก.ย.อาจขยายตัวในอัตราชะลอลง จากการที่โรงงานปิดการผลิตชั่วคราว เพราะแรงงานติดเชื้อโควิด-19 แต่ทั้งปีจะขยายตัวเป็นบวก และบวกเกินกว่าเดือนละ 700,000 ล้านบาท ทำให้การส่งออกเป็นความหวังของเศรษฐกิจไทยได้ต่อไป”.