น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบกรอบแผนงานหรือโครงการภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 วงเงิน 170,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ภายใต้ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา พ.ศ.2562 (พ.ร.ก.กู้เงินโควิด ฉบับที่ 2) วงเงิน 500,000 ล้านบาท ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอ
โดยลักษณะโครงการที่แต่ละหน่วยงานจะเสนอเข้ามาต้องสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ที่กำหนด สามารถดำเนินการได้ภายในวันที่ 31 ธ.ค. 2565 ภายใต้หลักการที่สามารถรักษาระดับการจ้างงานของผู้ประกอบการ เพื่อเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคการผลิตและบริการในสาขาที่ประเทศมีความได้เปรียบและมีศักยภาพในการพัฒนา และเพื่อกระตุ้นการบริโภค กระตุ้นการตลาด และรักษาอุปสงค์ให้กับภาคธุรกิจ ซึ่งกลุ่มเป้าหมายที่จะได้ประโยชน์จากการดำเนินแผนงานและโครงการภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม จะครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นสถานประกอบการเอสเอ็มอี ผู้ประกอบการทั่วไป แรงงานในระบบ ประชาชนทั่วไป เกษตรกร สถาบันเกษตรกรวิสาหกิจชุมชน ผู้ว่างงานและวัยแรงงานที่จะเข้าสู่ตลาดแรงงาน
ทั้งนี้ มีเป้าหมายให้ผู้ประกอบการจะรักษาการจ้างงานไว้ได้ 390,000 ราย เกิดการยกระดับประสิทธิภาพและมูลค่าเพิ่มในภาคการผลิตและบริการ เพิ่มโอกาสการเข้าถึงตลาดของผู้ประกอบการทั้งระดับชุมชนและเอสเอ็มอี รวมถึงสามารถพยุงระดับการบริโภคในประเทศเพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโควิด-19.
