
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม มีความห่วงใยเกี่ยวกับสถานการณ์รายได้และปัญหาหนี้สินของประชาชน เพราะแม้จะเริ่มกลับมาประกอบอาชีพหารายได้ได้มากขึ้น แต่ยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติ จึงได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งผลักดันมาตรการแก้ไขหนี้ครัวเรือน รวมถึงดูแลปราบปรามมิจฉาชีพรูปแบบต่างๆ ที่ฉวยโอกาสหลอกลวงในช่วงที่ประชาชนเดือดร้อน ทั้งนี้ ช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่เศรษฐกิจไม่คล่องตัว ประชาชนมีความจำเป็นต้องกู้เงินมาหมุนเวียนในครัวเรือนได้ปรากฏมิจฉาชีพหลอกลวงประชาชนในรูปแบบต่างๆ จำนวนมาก ล่าสุดพบการปล่อยสินเชื่อผ่านแอปพลิเคชัน โดยส่งข้อความโฆษณาตรงไปยังมือถือ หรือแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ ให้ผู้ต้องการกู้เงินโหลดแอปพลิเคชัน พร้อมยินยอมเปิดข้อมูลส่วนตัว เพื่อใช้ติดตามหนี้และเอาเปรียบผู้กู้สารพัดรูปแบบ ทั้งหักเงินค่าดำเนินการสูง ให้เงินกู้ไม่เต็มตามสัญญากู้ คิดดอกเบี้ยสูงกว่ากฎหมายกำหนดหลายเท่า ทวงถามด้วยวิธีทั้งข่มขู่ทำให้อับอาย
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า หากจำเป็นต้องใช้บริการเงินกู้ เงินด่วนต่างๆ ขอให้ประชาชนตรวจสอบผู้ให้กู้อย่างรอบคอบรู้ตัวตน รู้ที่ทำการ และรู้ว่าทำธุรกิจถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ควรเลือกผู้ให้กู้ที่เป็นสถาบันการเงินทั้งธนาคารพาณิชย์หรือนอนแบงก์ที่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือกระทรวงการคลัง และมีกฎหมายกำกับที่ชัดเจน เพื่อกรณีที่มีปัญหาเกิดขึ้นสามารถร้องเรียนหาผู้กระทำผิดเข้าสู่ขั้นตอนทางกฎหมายได้
ส่วนผู้ให้กู้หากพบการกระทำผิดต้องรับโทษหนัก เพราะการให้กู้ยืมเงินมีกฎหมายกำกับหลายฉบับ มีโทษอาญา เช่น พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2560 ที่ฝ่าฝืนต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาทหรือทั้งจําทั้งปรับ พ.ร.บ.การทวงถามหนี้ พ.ศ.2558 หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับได้ “เทคโนโลยีทำให้มิจฉาชีพเข้าถึงคนได้ง่าย นายกรัฐมนตรีเป็นห่วง จึงขอให้กวดขันไม่ให้เกิดการเอาเปรียบประชาชนในช่วงที่ยากลำบาก หากพบการทำผิดขอให้มีการลงโทษอย่างเด็ดขาด”.
December 26, 2018
December 26, 2018
December 26, 2018
December 26, 2018
December 26, 2018
December 26, 2018
Copyright ©2021 Newth.co