
สำนักข่าว แชนเนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า เมื่อวันศุกร์ที่ 17 ก.ย. 2564 นายออง อี้ คัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์ ออกมากล่าวถึงสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศ ซึ่งกำลังมีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าตัวทุกสัปดาห์ โดยเขาคาดว่า สิงคโปร์อาจจะมีผู้ติดเชื้อรายวันทะลุ 1,000 คนได้ “นี่คือวันที่ 26 ของการระบาดระลอกปัจจุบัน ผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวทุกสัปดาห์ตามที่เราคาดการณ์เอาไว้ จาก 100 เป็น 200, เป็น 400 จาก 400 เป็น 800 ราย และตอนนี้มันกำลังอยู่ในวงรอบทวีคูณครั้งที่ 4 แล้ว” นายออง กล่าว “ผมคิดว่าเรามาเตรียมตัวว่าผู้ติดเชื้อจะทะลุ 1,000 รายในเร็วๆ นี้กันดีกว่า นี่ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ได้คาดการณ์เอาไว้ มันเป็นพฤติการณ์ปกติของระลอกการระบาดที่มักจะไปถึงจุดพีกในช่วงระหว่าง 4 ถึง 8 สัปดาห์ หรือ 30, 40 หรือบางครั้งก็ 50 วัน”
รัฐมนตรีสาธารณสุขสิงคโปร์บอกด้วยว่า ทุกประเทศที่ตัดสินใจอยู่ร่วมกับไวรัส จะต้องผ่านการระบาดระลอกใหญ่ ซึ่งเหมือนกับเป็นพิธีเปลี่ยนผ่าน ก่อนที่มนุษย์และไวรัสจะบรรลุดุลยภาพใหม่ และอะไรๆ จะมีความเสถียรขึ้น แต่ระลอกการระบาดในสิงคโปร์ครั้งนี้ แตกต่างจากสิ่งที่ประเทศอื่นเผชิญ นายอองกล่าว เนื่องจากสิงคโปร์มีอัตราการฉีดวัคซีนที่สูง “ประเทศอื่นโชคร้ายที่เผชิญระลอกการระบาดแบบนี้ในช่วงแรกๆ ของการระบาด ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก แต่สำหรับเรา เรากำลังผ่านช่วงเวลานี่หลังจากที่เราฉีดวัคซีนประชากรไปแล้วกว่า 80% ของทั้งหมด” กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ ออกแถลงการณ์แยกอีกฉบับ ระบุว่า เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน สิงคโปร์มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เฉลี่ยวันละ 146 ราย ก่อนจะเพิ่มเป็นวันละ 682 รายสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ป่วยหนักยังคงอยู่ในระดับต่ำ โดยจนถึงวันที่ 16 ก.ย. มีคนไข้เพียง 77 คนเท่านั้นที่ต้องรับออกซิเจน และ 12 คนที่อาการวิกฤติต้องอยู่ในห้องไอซียู คิดเป็นเพียง 0.1% ของจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมดในช่วง 28 วันที่ผ่านมา
“ผลลัพธ์นี้ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากโครงการฉีดวัคซีน ซึ่งครอบคลุมประชากร 82% แล้วจนถึงตอนนี้ มีกรณีป่วยรุนแรงไม่มาก ส่วนใหญ่กระจุกตัวในผู้สูงอายุ และคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน” แถลงการณ์ของกระทรวงต่างประเทศระบุ “อย่างไรก็ดี เรายังอยู่ในช่วงต้นของการระบาดระลอกใหม่ครั้งนี้เท่านั้น และเราต้องระมัดระวังต่อไป”
ทั้งนี้ นายออง อี้ คัง ก็ระบุว่า อัตราการฉีดวัคซีนที่สูงช่วยป้องกันการป่วยหนักได้หลายกรณี แต่เขาย้ำว่า วัคซีนเพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำให้ชาวสิงคโปร์ใช้ชีวิตร่วมกับโควิด-19 ได้ ยังต้องอาศัยปัจจัยอื่นๆ เช่น การรักษา, การสวมหน้ากาก และการตรวจโรค
“เมื่อรวมทั้งอยู่นี้เข้าด้วยกันเราจึงจะมีโอกาส และผมเชื่อว่า เราสามารถใช้ชีวิตร่วมกับโควิด-19 ได้ เช่นเดียวกับโรคเฉพาะถิ่นเกือบทุกชนิด หากขาดองค์ประกอบใดไป ไม่ว่าส่วนใดก็ตาม ผมคิดว่าเราจะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้”
December 26, 2018
December 26, 2018
December 26, 2018
December 26, 2018
December 26, 2018
December 26, 2018
Copyright ©2021 Newth.co