ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ลดลง จากความกังวลว่าข้อมูลเศรษฐกิจจะส่งผลต่อการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ เรื่องมาตรการซื้อสินทรัพย์อย่างไร ขณะที่ราคาน้ำมันดิบทรงตัว ส่วนราคาทองดิ่งหนัก ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขายวันที่ 16 ก.ย. 2564 แบบผสมผสาน โดยดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 63.07 จุด หรือราว 0.18% ปิดที่ 34,751.32 จุด ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 6.95 จุด หรือราว 0.16% ปิดที่ 4,473.75 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 20.39 จุด หรือราว 0.13% ปิดที่ 15,181.92 จุด
วอลล์สตรีทผันผวนในช่วงท้ายของการซื้อขาย โดยดาวโจนส์กับเอสแอนด์พีปิดลบ ในขณะที่นักลงทุนกำลังประเมินว่า ข้อมูลเศรษฐกิจที่เผยแพร่ในช่วงที่ผ่านมา จะส่งผลต่อการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เรื่องการผ่อนคลายมาตรการซื้อสินทรัพย์อย่างไร โดยเฟดจะจัดการประชุมในสัปดาห์หน้าข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุดที่มีการเปิดเผยรวมถึง ตัวเลขยอดค้าปลีกประจำเดือนสิงหาคม ซึ่งเพิ่มขึ้น 0.7% สวนทางกับที่นักวิเคาะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลง 0.8% ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการคนว่างงานในสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ก่อน เพิ่มขึ้นเป็น 332,000 ราย มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ 2,000 ราย และเป็นการหยุดสถิติยอดลดลงต่อเนื่อง 2 สัปดาห์ด้วย
ด้านราคาน้ำมันดิบทรงตัวในวันพฤหัสบดี หลังจากเพิ่มขึ้นในช่วงเปิดตลาด เพราะความกังวลที่จีนตัดสินใจปล่อยน้ำมันดิบบางส่วนในคลังปิโตรเลียมฉุกเฉินออกไป โดยให้เหตุผลว่า เพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดในประเทศ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่บอกว่า น้ำมันดิบในสต๊อกของสหรัฐฯ ลดลงเกินคาดเมื่อสัปดาห์ก่อน ยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาน้ำมัน
สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า เวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต (WTI) งวดส่งมอบเดือนตุลาคม ปิดที่ 72.61 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ไม่เปลี่ยนแปลงจากเมื่อวันพุธ ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน เพิ่ม 0.25 ดอลลาร์สหรัฐ ไปอยู่ที่ 75.70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
ขณะที่ราคาทองคำดิ่งลงอย่างหนัก และเป็นการลดลงในวันเดียที่มากที่สุดในรอบ 6 สัปดาห์ หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ขึ้นไปแตะ 1.327% ส่วนค่าเงินดอลลาร์ก็บวกเพิ่มเกือบ 0.5% จากยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่ง โดยสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าตลาดโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 38.10 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2.1% ปิดที่ 1,756.70 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์.
